หากจะพูดถึงนักสู้ MMA คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ นักสู้สายเลือดไอริช หนึ่งในดวงใจของใครสักหลาย ๆ คนที่โด่งดังจากศึก UFC แต่กว่าจะมีวันนี้ได้ คอเนอร์ ต้องผ่านอุปสรรค์และคำดูถูกมานักต่อนัก ก่อนจะประสบความสำเร็จสู่จุดสูงสุดในอาชีพนักสู้ขึ้นแท่นเป็นนักสู้เงินล้านและประกาศรีไทร์บอกลาวงการนักสู้ MMA ไปแล้ว
ประวัติของ คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์
เดิมที คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ เป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดา ๆ ที่มาจากครอบครัวชนชั้นแรงงานในดับลิน คอเนอร์ เกิดเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 1988 เขาเติบโตในย่ายที่เต็มไปด้วยยาเสพติดและชาวแก๊งอย่างคลัมลิน เป็นสถานที่ที่เลวร้ายและย่ำแย่ถึงขนาดที่พ่อของคอเนอร์ (โทนี แม็คเกรเกอร์) ยังเคยออกมาบอกกับสื่อว่า “คอเนอร์เกิดและใช้ชีวิตที่นั่นหลายปี ทั้งตอนนั้นและตอนนี้ยาเสพติดก็ยังระบาดหนักแทบทุกมุม คนที่คลัมลินก็ไม่ได้แย่มากไปซะทุกคนแต่ถ้าคุณจะเป็นคนเหล่านั้น คุณต้องเอาตัวรอดให้ได้” ในวัยเด็กคอนเนอร์ได้ไปเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนของ ลูร์ด เซลติก อยู่หลายปี เพราะเป็นแฟนตัวยงของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และชื่นชอบการเล่นฟุตบอลอย่างมาก ก่อนเขาจะได้เข้าไปที่ Crumlin Boxing Club ซึ่งเป็นสถานที่ที่ทำให้เขาได้รู้จักกับกีฬาการต่อสู้
ช่างประปา VS นักมวย เส้นทางที่ คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ ต้องเลือก
ชีวิตในวัยเด็กของคอเนอร์อยู่กับแค่การชกมวย คอเนอร์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะชกมันไปทำไมเขาทำไปเพราะเขารู้สึกแค่ชอบมันจนกระทั้งโอกาสเจอกับอดีตนักสู้ UFC อย่าง ทอม อีแกน ที่พาเขามาพบกับโค้ช MMA อย่างจอห์น คาวานอห์ ซึ่งต่อมากลายเป็นโค้ชคู่ใจของเขาในที่สุด จอห์น คาวานอห์ ได้สอนบทเรียนที่สำคัญให้กับคอเนอร์ว่า “การชกเป็นการชกเพื่อการป้องกันตัว ไม่ใช่เรียนรู้เพื่อไปต่อยกับคนข้างถนน” ทำให้คอเนอร์ยิ่งซ้อมหนักขึ้นมากขึ้นในทุก ๆ วัน ซึ่งตอนนั้นเองคอเนอร์ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนและทำงานประจำเป็นช่างปะปาและพนักงานเสริร์ฟอาหารเพื่อเลี้ยงชีพเขาในขณะ คอเนอร์ทุ่มกำลังทำงานอย่างหนัก 12 ชั่วโมงต่อวัน และหลังเลิกงานเขาจะมุ่งตรงไปฝึกซ้อมมวยที่ยิมต่อทันที เมื่อทำแบบนี้ไปได้สักพักเขาก็รู้ว่าเขาไม่สามารถที่จะทำงานไปด้วยและฝึกซ้อมไปด้วยได้เพราะมันหนักเกินไป ทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากงานและหันมาทุ่มให้กับฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ นี่ทำให้ครอบครัวของคอเนอร์ไม่พอใจเป็นอย่างมากถึงขั้นทะเลาะมีปากเสียงกับคนในครอบครัว โดยเฉพาะพ่อของคอเนอร์และในตอนนั้นคอเนอร์สวนกลับด้วยความห้าวของเด็กวัย 25 ปีไปว่า “พ่อกับแม่จะเสียใจถ้าผมเป็นเศรษฐีในอนาคต”
เส้นทางการเป็นนักสู้เงินล้าน
เมื่อปี 2008 คอเนอร์ได้ขึ้นชก MMA เป็นไฟต์แรกในศึก Cage Warriors แต่เริ่มต้นไฟต์แรกก็ไม่ดีนักเขามีสถิติ ชนะ 4 และแพ้ 2 เอาชนะ TKO คู่ชกในยกที่ 2 แต่หลังจากนั้นในช่วงปี 2010 คอเนอร์ กลับเฉิดฉายขึ้นมาอีกครั้งด้วยการทำสถิติชนะติดต่อกันถึง 15 ไฟต์ และในปีค.ศ. 2013 คอนเนอร์ได้ขึ้นชกในรายการใหญ่ครั้งแรกอย่าง UFC จนมาถึงปี 2016 เนท ดิแอซ (Nate Diaz) ได้ทำลายสถิติของคอเนอร์ที่ชนะติดต่อกันให้จบลงในที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับมีชื่อติดรายชื่อนักกีฬาที่มีค่าเหนื่อยมากที่สุด 100 อันดับแรกโดยนิตยสารฟอร์บสได้ทำการจัดอันดับขึ้นโดยมีรายได้มาจากการชกและจากสปอนเซอร์ในปี 2016 รวมแล้วมากถึง 22 ล้านเหรียญสหรัฐทำให้เขาโด่งดังทั้งในและนอกสังเวียน ต่อมาในปี 2017 การกระโดดข้ามมวยกรงไปต่อมวยนวมกับทาง ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ นักชกไร้พ่ายโดยเขาต้องการที่จะเป็นนักชกคนแรกที่สามารถหยุดสถิติชนะรวดของ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ให้ได้แต่ท้ายที่สุดคอเนอร์ก็พ่ายให้กับฟลอยด์ ในยกที่ 10 โดยเป็นการแพ้แบบ TKO อีกด้วย แต่ไฟต์นี้กลับเป็นไฟต์ที่ทำเงินให้เขามากที่สุดเพราะมันทำให้เขาโกยเงินไปมากถึง 75 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,625 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าที่เขาต่อยมวยกรงมาตลอดชีวิตเสียอีก
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา
เมื่อปี 2018 หลังจากแพ้ให้กับ คาบิบ นูร์มาโกเมดอฟ นักสู้ชาวรัสเซีย คอนเนอร์โดนจับล็อกคอจนต้องยอมทำแท็ปเอาต์ขอยอมแพ้ไปในยกที่ 4 หลังจากนั้น คอนเนอร์ก็ประกาศเลิกเล่นและหันหลังให้กับวงการนักสู้ด้วยวัยเพียง 30 ปี แต่การลาสังเวียนในครั้งนี้คอเนอร์ต้องการไปปั้นแบรนด์วิสกี้ของตัวเองที่มีชื่อว่า Proper No.Twelve ซึ่งเข็มชัดแชมป์ที่เขาเคยได้รับมา CWFC Featherweight Championship, CWFC Lightweight Championship, UFC Featherweight Championship ,UFC Interim Featherweight Championship, UFC Lightweight Championship
นับว่าเป็นอีกคนหนึ่งที่ผลิกชีวิตตัวเองด้วยความพยายามและมุ่งมั่นให้การทำตามฝันให้สำเร็จ แต่เหนือสิ่งอื่นใด คอเนอร์เคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “ทั้งชีวิตของเขาคือการอยู่บนสังเวียนต่อสู้” ก็ไม่แน่ในอนาคตเราอาจจะได้เห็นเจ้าหมาบ้าไอริชกลับมาขึ้นสังเวียนอีกครั้งก็เป็นได้ ติดตามบทความที่น่าสนใจอื่นๆได้กับ peoplelikeuscollective
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> บาคาร่า