6 สิงหาคม 1945 ฮิโรชิม่าถูกบึ้มด้วยระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลกที่ถูกสร้างโดยสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปมากกว่า 140,000 คน ไม่นานหลังจากนั้น 3 วัน นางาซากิ คือเป้าหมายต่อไป สหรัฐอเมริกาได้ทำการทิ้งระเบิดปรมาณูอีกลูกลงที่ใจกลางเมือง ทำให้ญี่ปุ่นยอมยุติสงคราม และถือเป็นจุดสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่สอง
จุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 2
ในเดือนกันยายน 1939 คือจุดเริ่มต้นของสงคราม โดยเยอรมนีได้ยกกองทัพบุกไปยังโปแลนด์ ซึ่งในตอนนั้นประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสได้ร่วมกันลงนามในสนธิสัญญาประกันอธิปไตยของโปแลนด์ไว้ จึงทำให้ทั้งสองประเทศต้องยื่นคำขาดต่อทางเยอรมันให้ถอนกองทหารออกจากโปแลนด์แต่ไม่เป็นผล จึงเหลือเพียงทางเลือกสุดท้ายนั้นคือการประกาศสงครามกับประเทศเยอรมนี ไม่นานสงครามได้ขยับขยายออกไปทั่วทวีปยุโรป เอเชีย แอฟริกา ออสเตรเลีย ตลอดจนมหาสมุทรแอตแลนติกและแปซิฟิกกินเวลาอยู่นาน จนกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามโลกครั้งที่สองจึงนับว่าเป็นสงครามขนาดใหญ่ที่สุด ใช้เงินทุนมากที่สุดและมีผู้เสียชีวิตสูงสุดในประวัติศาสตร์สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อมวลมนุษยชาติ
ระเบิดปรมาณู
ในช่วงปี 1942 “โปรเจกต์ แมนฮัตตัน” คือโครงการลับสุดยอดในการสร้างระเบิดปรมาณูเป้าหมายหลักเพียงอย่างเดียวคือการพัฒนาอาวุธรูปแบบใหม่ แต่การจะสร้างระเบิดปรมาณูไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะการผลิตเชื้อเพลิงสำหรับระเบิดเป็นเรื่องที่ยากเอามาก ๆ ทั้งยังต้องเพิ่มสมรรถนะให้กับแร่ยูเรเนียมและพลูโตเนียม ซึ่งต้องใช้ค่าใช้จ่ายอย่างมหาศาลบวกกับกำลังคนเกือบทั้งหมดของโครงการจะต้องระดมพลช่วยกันอยุ่ตลอดเวลา
จนในที่สุดสหรัฐอเมริกาก็ผลิตเชื้อเพลิงเพียงพอที่จะใช้กับระเบิดปรมาณูได้สำเร็จในช่วงเดือนกรกฎาคม 1945 แต่ถึงอย่างนั้นสหรัฐก็สามารถสร้างระเบิดปรมาณูมาได้แค่ 3 ลูกเท่านั้นโดยตั้งชื่อให้กับระเบิดทั้ง 3 ลูกว่า “แกดเจ็ต” (Gadget), “ลิตเติล บอย” (Little Boy) และ “แฟต แมน” (Fat Man) และยังเหลือพลูโตเนียมที่เกือบจะสามารถสร้างลูกที่ 4 ได้ แต่ภายหลังทีมนักวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ ก็พบวิธีที่จะทำให้พวกเขาสามารถผลิตระเบิดได้มากขึ้น
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 1945 สหรัฐอเมริกาได้ทดสอบระเบิดปรมาณู 1 ลูกคือ แกดเจ็ต ในโครงการ ทรินิตี้ (Trinity) ที่ทะเลทรายในรัฐนิวเม็กซิโก ผลการทดสอบกลับกลายเป็นว่าได้ผลเกิดคาดการทดสอบครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงามถามระเบิดยังรุนแรงกว่าที่นักวิทยาศาสตร์หลาย ๆ คนได้คาดการเอาไว้หลายเท่า ซึ่งในตอนนั้น พลตรี เลสลี อาร์. โกรฟส์ และ ดร.เจ. โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ หัวหน้าโครงการและหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของโครงการแมนฮัตตัน ประชุมกันไว้ก่อนว่า สหรัฐอเมริกา อาจต้องใช้ระเบิดปรมาณู 3 ลูก “ตามแผนเดิม” หรืออาจต้องใช้ถึง 4 ลูกเพื่อปิดฉากสงคราม
การเลือกจุดทิ้งระเบิดปรมาณู
เนื่องจากระเบิดปรมาณูมีจำกัดทำให้สหรัฐอเมริกา ต้องคิดและตัดสินใจอย่างดี จึงได้มีการจัดประชุมเพื่อเลือกเป้าหมายในการโจมตี ที่จะสามารถแสดงพลังอำนาจได้อย่างชัดเจนที่สุด นายพลโกรฟส์ ได้กำหนดเป้าหมายจุดทิ้งระเบิดปรมาณูเอาไว้ 4 เมืองด้วยกันคือ เมืองฮิโรชิมา, เมืองโคคุระ, เมืองนางาซากิ และเมืองนีงาตะ หลังจากผ่านการอนุมัติจากคนใหญ่คนโตของสหรัฐอเมริกาแล้ว จึงคำสั่งระบุว่า หลังจากวันที่ 3 สิงหาคม 1945 กองทัพอากาศที่ 20 จะทำการทิ้ง “ระเบิดปรมาณู” ลูกแรกที่เมือง ฮิโรชิมา, โคคุระ, นีงาตะ หรือ นางาซากิ โดยให้กำหนดเป้าหมายด้วยสาบตาเท่านั้น ห้ามใช้เรดาร์เด็ดขาด และระเบิดลูกอื่น ๆ ที่เหลืออยู่จะถูกส่งไปยังเป้าหมายอื่น ๆ ทันทีที่พร้อม หลังจาก 4 เป้าหมายแรกถูกทำลายแล้วจะมีการเลือกเป้าหมายใหม่เป็นจุดระเบิดต่อไป นี่จะเห็นได้ว่าไม่ใช่แค่เป็นการสั่งทิ้งระเบิดเพียงแค่ 4 ลูก แต่เป็นการสั่งทิ้งระเบิดทุกลูก ทุกที่ ได้ทันที หากเตรียมตัวพร้อม
การโจมดีด้วยระเบิดปรมาณูครั้งที่ 1 และ 2
จากสั่งที่ต้องกำหนดเป้าหมายด้วยตาเท่านั้น ทำให้กองทัพต้องรอดูสภาพอากาศอยู่หลายวันเพราะจะต้องเลือกวันที่สภาพอากาศดีที่สุด จนกระทั่งในวันที่ 6 สิงหาคม เมฆบนท้องฟ้าก็เริ่มเบาบางลง เครื่องบินทิ้งระเบิด บี-29 ชื่อ “เอโนลา เกย์” ก็รีบออกปฏิบัติการทันทีและได้ทำการทิ้งระเบิดลูกแรกอย่าง ลิตเติล บอย ลงสู่เมืองฮิโรชิมาโดยทันที การระเบิดครั้งนี้ทำให้คร่าชีวิตคนไปมหาศาลพร้อมกับทำลายเมืองให้หายราบไปในพริบตาเพียงไม่กี่นาที และปล่อยพลังระเบิดไปมากถึง 15,000 ตันทีเอ็นที
ไม่นานหลังจากเหตุการณ์โจมตีที่ฮิโรชิมา ระเบิดปรมาณูลูกที่ 2 ก็พร้อมที่จะออกไปทำภารกิจโดยทันที แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีก เมื่อสภาพอากศบนเกาะคิวชูย่ำแย่มาก บ็อคสการ์ เครื่องรบของสหรัฐอเมริกา ตัดสินใจค้นหาและรออยู่นานกว่า 45 นาทีและคิดว่าเป้าหมายนี้ต้องไม่สำเร็จอย่างแน่นอน จึงตัดสินใจเปลี่ยนเป้าหมายไปที่เมืองนางาซากิ และแล้ว แฟต แมน ระเบิดปรมาณูลูกที่ 2 ก็ถูกปล่อยลงในเมืองนางาซากิ ทำลายบ้านเมืองและฆ่าผู้คนไปกว่า 70,000 ชีวิต ด้วยแรงระเบิดที่มากถึง 21,000 ตันทีเอ็นที
สิ้นสุดสงคราม
หลังจากการทิ้งระเบิดปรมาณูลูกที่ 2 ที่ถล่มนางาซากิราบเป็นน่ากอง ทางการญี่ปุ่นจึงยื่นข้อเสนอขอยอมแพ้ต่อสหรัฐอเมริกาโดยมี 1 เงื่อนไขที่ว่า ต้องรักษาบทบาทและอำนาจของจักรพรรดิเอาไว้ แต่แล้วในวันที่ 14 สิงหาคม 1945 ญี่ปุ่นก็ประกาศยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไขอะไรเลย ทำให้หลาย ๆ คนในตอนนั้นรวมถึงนักประวัติศาสตร์ในตอนนี้งงเป็นไก่ตาแตกว่า อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ญี่ปุ่นเปลี่ยนใจที่จะยอมแพ้แบบไม่เงื่อนไข อาจจะเป็นเพราะระเบิดปรมาณูหรือการประกาศสงครามของโซเวียตหรืออาจะเป็นปัญหาภายในกองทัพญี่ปุ่น หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะทุกเหตุผลที่กล่าวมาก็เป็นได้ ระเบิดปรมาณู สร้างความเสียหายอย่างมหาศาล อาวุธที่รุนแรงชนิดนี้ สามารถสร้างความหายนะได้อย่างมาก ทำให้นี้คือจุดเปลี่ยนรูปแบบของการทำสงครามและถือเป็นการสิ้นสุดของสงครามโลกครั้ง 2
แนะนำ : สมัครบาคาร่า
เครดิต: www.thairath.co.th