หากพูดถึงกองหน้าผิวสีสุดแข็งแกร่งที่สามารถเขย่าเวทีพรีเมียร์ลีกอังกฤษได้มากที่สุด หลาย ๆ คนก็ต้องนึกถึงชื่อของ ดร็อกบา กันเป็นคนแรก ๆ อย่างแน่นอน ในครั้งนี้เราจะมาพาทุกคนไปพบกับ บทความ เปิดประวัติ Didier Drogba สุดยอดกองหน้าราชาแห่งสิงค์บลู ชายผู้ที่หยุดสงครามได้ด้วยฟุตบอล เรื่องนี้ ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของนักเตะแอฟริกา ส่วนเรื่องราวที่ทำให้เขาเป็นตำนาน และ การหยุดสงครามของเขานั้นจะเป็นอย่างไร ไปติดตามพร้อม ๆ กันเลยครับ
Didier Drogba คือใคร
- เด็กน้อยคนหนึ่งชาว Ivorian เขาเกิดในปี 1978 ในเมืองอาบีจานซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศโกตติวัวร์ (Côte d’Ivoire) หรือที่เรารู้จักกันในนามของ “ไอวอรี่ โคสต์” (Ivory Coast) ซึ่งชื่อประเทศนี้สามารถเรียกทั้งสองแบบ แล้วแต่คนจะเรียก ซึ่งความหมายเหมือนกันคือ “ชายฝั่งแห่งงาช้าง” ในวัยเด็กของเขา เมือง Ivory Coast นี้เป็นเมืองที่ทัศนียภาพสวยงาม มีต้นไม้ปลูกทั่วไปหมดทั้งเมือง ผู้คนทักทายกันอย่างเป็นมิตร เมื่ออายุได้ 5 ขวบพ่อแม่ส่งเขาไปอยู่กับอาที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นนักฟุตบอลอาชีพชื่อ “มิเชล โกบา” เขาอยู่ที่นั่นได้เพียง 3 ปีก็เกิดอาการคิดถึงและย้ายกลับมาบ้าน แต่หลังจากนั้นไม่นาน พ่อแม่ของเขาตกงานทั้งคู่ ทำให้ทั้งครอบครัวต้องย้ายกลับไปอยู่กับอาที่ฝรั่งเศสอีกครั้ง
จุดเริ่มต้นในเส้นทางอาชีพของ Didier Drogba
- ด้วยพรสวรรค์ของเขา ทำให้เขาติดทีมเยาวชนตั้งแต่อายุ 15 ปี และเริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพเมื่ออายุ 21 ปีในทีม “เลอ มัง” หลังจากนั้นเขาได้ย้ายทีม เพื่อฝึกฝนฝีมือ ไปยังโอลิมปิก มาร์เซย และเชลซี เขาคือ “ดิดิเยร์ ดร็อกบา” (Didier Drogba) นักฟุตบอลทีมชาติโกตติวัวร์ และตำนานของทีมเชลซี ไม่ว่าใครจะมองเขาเลวร้ายยังไง เกเรแค่ไหนในสนาม มีฉายาในทางลบมากมาย แต่ยังมีมุมที่สุดยอดของเขาที่หลายคนยังไม่รู้ เขาบริจาคเงินสร้างโรงพยาบาล และตั้งมูลนิธิดร๊อกบาเพื่อช่วยเหลือคนจำนวนมาก เขาลงเล่นกับ แก็งก็อง อยู่ 2 ฤดูกาลโดยท่า 24 ประตูจาก 50 เกมที่ลงสนามจากทุกรายการก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับ มาร์กเซย ด้วยค่าตัวเพียง 3.3 ล้านปอนด์ก่อนทำ 9 ประตูจาก 35 เกมในลีกให้กับ มาร์กเซย
ตำนานที่ชื่อว่า Didier Drogba
- หลังจากเล่นให้กับ มาร์กเซย เพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้นเขาถูกเชลซีซื้อตัวมาด้วยราคาแพงถึง 24 ล้านปอนด์ในปี 2004 ซึ่งเป็นราคาที่สูงมากในตอนนั้น ดร็อกบา ค้าแข้งกับเชลซียาวนานถึง 8 ฤดูกาลพร้อมสร้างสถิติและพาทีมคว้าแชมป์อย่างมากมายโดยเขาทำ 157 ประตู จาก 341 เกมในทุกรายการกับเบด และเป็นนักเตะแอ การายแรก ท่า 100 ประตูในพรีเมียร์ลีก ดร็อกบา พาเชลซีกวาดแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย เอฟเอ คัพ 4 สมัย ลีกคัพ 2 สมัยและยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกอีก 1 สมัย โดยเขาเป็นคนยิงประตูตีเสมอ 1-1 ให้ทีมก่อนจะดวลจุดโทษเอาชนะบาเยิร์น มิวนิคคว้าแชมป์ไปครอง หลังจากออกจากเชลซี ดร็อกบา ย้ายไปค้าแข้งกับ เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว ต่อด้วย กาลาตาซาราย และคว้าแชมป์ลีกตุรกี 1 สมัย ก่อนที่จะย้ายกลับมาเชลซีเป็นครั้งที่ 2 พร้อมกับคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและลีกคัพเพิ่มอีกอย่างละสมัยก่อนจะไปค้าแข้งที่แคนนาดา และแขวนสตัดที่อเมริกา
เกียรติประวัติของ Didier Drogba
สโมสรเชลซี, อังกฤษ
- แชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 4 สมัย : 2004-05, 2005-06, 2009-10, 2014-15
- แชมป์ เอฟเอคัพ 4 สมัย: 2006-07, 2008-09, 2009-10, 2011-12
- แชมป์ ลีกคัพ 3 ครั้ง : 2004-05, 2006-07,2014-15
- แชมป์ คอมมินิตี้ดิล 2 สมัย : 2005, 2009
- แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย : 2011-12
สโมสรกาลาตาซาราย, ตุรกี
- แชมป์ เตอร์กิชซูเปอร์ลีก 1 สมัย : 2012-2013
- แชมป์ เตอร์กิชซูเปอร์คัพ 1 สมัย : 2013
- แชมป์ เทอริกี คัพ 1 สมัย : 2013-14
รางวัลส่วนตัว ดิดิเยร์ ดร็อกบา Didier Drogba
- นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของลีกเอิง ฝรั่งเศส 1 สมัย : 2003-04
- นักฟุตบอลแอฟริกันยอดเยี่ยมแห่งป์ 2 สมัย: 2006, 2009
- ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจําชาติไอวอรี่ โคตส์ สมัย: 2006, 2007, 2012
- นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรฟุตบอลเชลซี 1 สมัย : 2010
- รองเท้าทองคำ (พรีเมียร์ลีก) 2 สมัย: 2006-07, 2009-10
- นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของซุปเปอร์ลีก ตุรกี 1 สมัย : 2013
Didier Drogba กับการใช้ฟุตบอลหยุดสงคราม
- และที่สุดยอดที่สุด ครั้งหนึ่งเขากลับไปที่บ้านเกิด และพบกับสงครามกลางเมืองอันโหดร้าย ที่สู้รบกันมายาวนานกว่า 5 ปี เขารู้สึกเศร้าใจมาก จึงอัดเทปส่งหาทุกคน ขอให้ทุกคนหยุดรบ และเขาเข้าพบประธานาธิบดีบักบู เพื่อเจรจาถึงการหยุดยิงและสันติภาพ ดร็อกบาเสนอให้ทีมชาติไอวอรีโคสต์ไปเตะที่เมืองบูอาเก้ ซึ่งเป็นฐานรบที่สำคัญของฝ่ายกบฏ ซึ่งใครฟังก็นึกสงสัยว่าเป็นไอเดียจากคนเสียสติหรือไม่ แต่สุดท้ายทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายกบฏต่างเห็นชอบกับแผนการของยอดนักเตะผู้นี้ และถือเป็นการแสดงออกทางสันติภาพ หลังจากมีข้อตกลงหยุดยิงในเดือนมีนาคมปี 2007 ในการแข่งขันนัดนั้น ประธานาธิบดี “โลร็องต์ บักบู” และหัวหน้าฝ่ายกบฏ “กิลโญม โซโร” เข้ามานั่งดูการแข่งขันในสนามด้วยกัน ท่ามกลางกองกำลังของทั้งสองฝ่าย อาวุธในวันนั้นไม่ได้ถูกใช้เพื่อสู้รบ แต่ใช้ในการเป็นเชื้อเพลิงในการสร้างสันติภาพ ต้องขอบคุณกีฬาฟุตบอล และนักเตะนามดร็อกบาผู้นี้ ที่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางให้สงครามยุติลง 5 ปีแห่งความเลวร้ายที่คนในชาติหันมาฆ่ากันเอง “ดิดิเยร์ ดร็อกบา” จะเป็นตำนานตลอดกาลสำหรับชาว Ivorian
สรุป
และสุดท้ายนี้คุณอาจจะเห็นได้เลยว่า ดร็อกบา ไม่ใช่กองหน้าที่ทำประตูได้มาก เมื่อเทียบกับกองหน้าคนอื่น ๆ แต่ทุกประตูของเขานั้นล้วนมีความสำคัญเสมอ อย่างเช่นในเกมส์ใหญ่ ๆ ที่มีความกดดันมาก ๆ หรือ อย่างในจังหวะสำคัญที่ต้องการประตู ชายคนนี้หวังพึ่งได้เสมอ จากการที่ลูกยิงของเขานั้นพาทีมคว้าแชมป์ และ โกงความตายมาได้อย่างมากมาย จึงไม่แปลกที่เขามักจะถูกจดจำมากกว่ากองหน้าหลาย ๆ คน ซึ่งในบทความ เปิดประวัติ Didier Drogba สุดยอดกองหน้าราชาแห่งสิงค์บลู ชายผู้ที่หยุดสงครามได้ด้วยฟุตบอล เรื่องนี้ ถ้าคุณเป็นคนรักฟุตบอลคุณเองก็น่าจะหลงรักชายคนนี้