กว่าจะมาเป็น Bearhug
สาวน้อยหน้าเกาหลี ครอบครัวเป็นเด็กต่างจังหวัดมาแต่อ้อนแต่ออด ก็จากจังหวัดนราธิวาสมา ครอบครัวของซาร์ตเป็นครอบครัวค่อนข้างมีฐานะดี คุณพ่อของซาร์ตเป็นเจ้าของโรงแรมในจังหวัด มีร้านขายของเหมือน 7-11 สมัยเล็ก ๆ ความฝันของซาร์ตไม่เคยมีความคิดที่จะได้ทำงานในสายบันเทิงทางโซเชียลมาก่อน ประกอบกับพี่น้องของซาร์ตเองเรียนหมอจึงไม่มีทางที่ซาร์ตจะแตกต่างออกไปมากนัก แต่สุดท้ายด้วยความเป็นคนไม่ชอบอยู่กับหนังสือตลอดเวลาจึงผันตัวมาเรียนทางด้านบัญชีเพื่อหวังว่าจะทำธุรกิจน่าจะเหมาะกว่า
แต่สำหรับงานที่ซาร์ตได้ทำหลังเรียนจบก็ได้ทำงานด้านบัญชีซึ่งมันก็ตรงกับสิ่งที่เธอเรียนมาดูแล้วน่าจะไปได้เรื่อย ๆ แต่จนมาถึงจุดที่ซาร์ตคิดว่ามันไม่ใช่ตัวเธอเลย เธอไม่ชอบความจำเจกับตัวเลขน่าปวดหัว ไม่ชอบงานที่ต้องมีกำหนดเวลา จึงเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของซาร์ตหลังจากความคิดนี้จบลง
จุดเปลี่ยนของชีวิตสู่การเป็น “แม่ค้า” และการเริ่มต้น YouTuber
ก่อนที่จะเรียนจบ ซาร์ตได้ลองทำในสิ่งที่เป็นเป้าหมายของการลองใช้ชีวิตในแบบที่อยากเป็น ได้ฝึกหาเงินแบบอิสระด้วยการเป็นแม่ค้าขายเสื้อผ้ามือสอง งานรับทำงานประดิษฐ์เล็กน้อย และตั้งใจที่จะหาเงินให้ได้ด้วยตัวเองเมื่อเรียนจบ และฉายแววคนที่จะประสบความสำเร็จด้วยการคว้าเกียรตินิยมอันดับ 1 ในสาขาบัญชี และได้เริ่มต้นที่จะทำงานตามแผนที่วางไว้
การเริ่มต้นของงานที่ไม่กำหนดเวลาในตอนนั้นก็จะเป็นงานพนักงานขายประกันและธุรกิจแบบขายตรงเท่านั้น และซาร์ตก็ทำมันได้ดีจนได้แรงกระตุ้นการทำช่องยูทูปจากเพื่อนร่วมงาน ซึ่งนั่นคือเพื่อสนิทและเป็น YouTuber ร่วมช่องกันมาจนทุกวันนี้
การเริ่มสร้างช่อง “Sunbeary”
การเริ่มต้นฝึกเป็นเจ้าของช่อง YouTubeของซาร์ตเริ่มจากการชักชวนให้เข้ามาร่วมงานของ “กานต์ อรรถกร” ผู้เป็นเพื่อนสมัยเรียนของซาร์ตและเจ้าของช่อง YouTube ในตอนนั้นคือช่อง Kanninich การทำงานร่วมกันจึงเริ่มขึ้น แต่ทว่าในเวลานั้น ซาร์ตถูกวางตำแหน่งให้เป็นเหมือนเด็กฝึกงาน ช่วยกานต์ในการทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการช่วยถือกล้องในการถ่าย ไม่ค่อยได้ออกหน้ากล้องบ่อยสักเท่าไหร่แต่ซาร์ตก็ได้เรียนรู้และทำให้กานต์ชวน
ซาร์ตมาทำงานอย่างเต็มตัวในช่องของเขา และต่อมาซาร์ตจึงได้มีช่องเป็นของตัวเองมันจึงเป็นจุดเริ่มต้นของ “Sunbeary” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ช่องถูกเริ่มต้นด้วยความสะเปะสะปะในช่วงแรก ซาร์ตยังคงลองผิดลองถูกจากคอมเมนท์จากคนดูและเพื่อน ๆ โดยเฉพาะทีมงานและกานต์ แต่คลิปแรกที่ทำให้ซาร์ตมีคนเริ่มดูเยอะมากนั่นก็คือคลิป “การเล่น Slime” ของเหล่นหนึบเหนียวปริ้นไปปริ้นมา แต่กลับมีคนดูเป็นหลายแสนคน จำนวนคนดูทำให้ซาร์ตรู้สึกถึงความสำเร็จที่อยู่ตรงหน้า ซาร์ตพยายามปรับให้คลิปน่าสนใจขึ้นเรื่อย ๆ และได้ไอเดียคือการทำคลิปที่เป็นเรื่องใกล้ตัวและเป็นกระแสจะทำให้คลิปออกเป็นไวรัลได้เร็วกว่า แต่ในที่สุดคลิปที่เลือกทำอย่างรายการเกี่ยวกับเด็กไม่มีความโด่งดังหรือเป็น
กระแสที่นานเท่าไหร่
และแล้วการมองหาตัวเองก็จรัสแสงและหาแนวของตัวเองจนเจอ เมื่อมีงานท่องเที่ยวจ้างซาร์ตและทีมงานไปท่องเที่ยงประเทศจีนและทำคลิปรีวิวที่เที่ยวในแต่ละที่ที่ไป ซาร์ตทำงานนี้อย่างมีความสุขมากและค้นพบว่านี่เป็นทางของเขาจริง ๆ ซาร์ตเป็นคนที่เล่าเรื่องและดำเนินเรื่องที่มีความเป็นธรรมชาติ ความเป็นตัวเอง สไตล์รั่ว ๆ ที่มาจากความธรรมชาติ การพูดเสียงเนิบ ๆ แต่มีความสนุก และใช้ความรู้สึกของตัวเองเป็นตัวสัมผัสกับทุกสิ่ง มันสร้างเสน่ห์ให้กับตัวเขามากทีเดียว หลังจากนั้นซาร์ตก็เริ่มมีคนติดตามมากขึ้นเรื่อย ๆ จากความสดใสของเขานั่นเอง
การเริ่มเป็น “Bearhug”
ความโด่งดังของซาร์ตไล่ตามกานต์มาติด ๆ พวกเขาทำงานด้วยกันมาตลอดถึงแม้ว่าจะคนละช่อง พวกเขาใช้ทีมงานเป็นทีมเดียวกันจึงทำให้ซาร์ตและกานต์เกิดไอเดียยุบช่องมารวมกันเพื่อให้เกิดความปังและช่องโตเป็นสองเท่า จึงได้กำเนิด “Bearhug” ในปี 2018
การคิดคอนเทนต์สนุกสนานได้ถูกนำเสนอผ่านช่อง Bearhug และทำให้มียอดผู้ติดตามกว่า 3 ล้านคน และคลิปหลายคลิปที่มียอดวิวสูงเกือบ 20 ล้านวิวภายในเวลาอันรวดเร็ว เรียกได้ว่าแทบไม่มีใครไม่รู้จัก Bearhug เลย และโดยเฉพาะสายกินอาหารเกาหลี ญี่ปุ่น มักจะติดกันแบบว่างต้องดู เพราะไม่เพียงแต่ท่องเที่ยว เรื่องพากินก็เป็นคอนเทนต์เด่น ๆ ไม่แพ้กัน อะไรที่ว่าเด็ด ใหม่ และทันสมัยของสายญี่ปุ่น เกาหลี ช่องนี้แทบจะเป็นรีวิวแรก ๆ โดยเฉพาะการตระเวนกินชาไข่มุกทั่วกรุงเทพไม่ว่าร้านไหนจะดัง ใครว่าอร่อย ต้องได้เจอ Bearhug และเสน่ห์ที่ดึงดูดคนดูนั่นก็คือการรีวิวจากความรู้สึกจริง ๆ และ คลิปที่สร้างยอดวิวสูงสุดให้กับพวกเขาก็คือ “ล้างแค้น! พี่เปิ้ล นาคร เอาแชมป์กินจุระดับประเทศไปถล่มร้าน” https://youtu.be/TmDen-8YIjk ได้รับยอดวิวเกือบ 18 ล้านวิว
และความเป็นสายกินของหวานนำมาก่อนของคาว และโปรดปรานชาไข่มุกเป็นที่สุด ทำให้ทั้งสองตัดสินใจเปิดร้านชาไข่มุกแบรนด์ “Bearhous” (แบร์-เฮาส์) ที่มาพร้อมกับไข่มุกโมจิจากสูตรพิเศษของทางแบรนด์ที่มีวัตถุประสงค์ต้องการพาแบรนด์ไทยสู่แบรนด์โลก และก็ประสบความสำเร็จแบบการ์ดพุ่งแตะเพดานในปีเดียว โดยเปิดทั้งหมด 8 สาขาด้วยกัน คุณพระ!
แต่ความสำเร็จมักสร้างความประมาทเสมอ Bearhug ได้เริ่มทำธุรกิจหลายอย่างพร้อมกันในเวลาอันรวดเร็ว ถึงแม้ว่าจุดแข็งของพวกเขาคือ คิดคำนวณเร็วแบบคนรุ่นใหม่ แต่จุดอ่อนของพวกเขาคือ ขาดประสบการณ์และการเรียนรู้ ทำให้ธุรกิจบางตัวต้องปิดตัวลงอย่าง “Sunsu” (ชานมกระป๋อง) ปิดตัวอย่างรวดเร็วด้วยภาวะขาดทุนแบบย่อยยับ แต่พวกเขาก็ยังรวบรวมกำลังทำคลิปเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับพวกเขาเอง https://youtu.be/AOYRnBpbQQ4 และได้รับยอดวิวสูงกว่าสองล้านวิว จึงเหมือนกับวิกฤตสร้างโอกาสให้พวกเขาอีกครั้ง
บทเรียนราคาแสนแพงสำหรับ Bearhug ก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาหยุด พวกเขาก็ยังเดินหน้ากับการเป็น Youtuber และการทำธุรกิจต่อไป พวกเขาเรียนรู้จากความล้มเหลวที่ผ่านมา แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาจะเดินต่อไปก็คือการเป็น YouTuberที่จะสร้างสิ่งดี ๆ ให้กับสังคม และได้ทำในสิ่งที่พวกเขารักไปจนกว่าพวกเขาจะหมดแรง peoplelikeuscollective
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> แทงบอล