เจ้าแม่แห่งวงการเพลงสุดแซ่บที่ใครเห็นหน้าก็ต้องรู้จักอย่างแน่นอนแถมยังเป็นคนริเริ่มเกี่ยวกับการ Twerk จนเป็นกระแสแบบสุด ๆ เลยก็ว่าได้ แต่ใครจะรู้ว่ากว่าที่เธอจะสวยแซ่บแบบทุกวันนี้ได้นั้นในช่วงเข้าวงการแรก ๆ เธอนั้นเป็นสาวสวยวัยใสที่น่ารักแบบสุด ๆ และตอนนี้เธอได้เปลี่ยนไปเป็นอีกคนเลยก็ว่าได้ วันนี้เราจะพาทุกท่านมารู้จักกับ นักร้อง นักแต่งเพลง และนักแสดงสาวชาวอเมริกันคนนี้กันดีกว่าว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนลุคตัวกลายเป็นสาวสุดแซ่บจนมัดใจใครหลาย ๆ คน
ประวัติของ ไมลีย์ ไซรัส (Miley Cyrus)
นักร้องสาวสุดแซ่บคนนี้หลาย ๆ คนคงจะรู้จักเธอไม่มากก็น้อยเธอคนนี้มีชื่อว่า ไมลีย์ เรย์ ไซรัส หรือ ไมลีย์ ไซรัส ที่หลาย ๆ คนรู้จักกันนั้นเองโดยจริง ๆ แล้วเธอมีชื่อตอนเกิดมาว่า เดสทินี โฮป ไซรัส ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อในวงการเหมือนในปัจจุบันว่า ไมลีย์ ไซรัส นั้นเอง ซึ่งเธอเกิดเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ค.ศ. 1992 เธอเป็นศิลปินสาวชาวอเมริกัน เธอนั้นเกิดมาในครอบครัวของนักดนตรีทำให้เธอมีพรสวรรค์ติดตัวเธอมา เพราะพ่อของเธออย่าง บิลลี เรย์ ไซรัส เป็นถึงนักร้อง นักแต่งเพลงคันทรีชาวอเมริกัน แถมยังมีซิงเกิลติดท็อป 10 บนชาร์ตยูเอสบิลบอร์ดฮอตคันทรีซองส์อีกด้วย โดยเธอมีพี่น้องร่วมกันถึง 4 คน ซึ่งต่างก็เป็นพี่น้องคนละพ่อ คนละแม่แต่พี่น้องทั้ง 4 คนของเธอก็ล้วนแล้วแต่เป็นทั้งนักดนตรี นักแสดง นางแบบ และยังมีคนที่เป็นนักข่าวอีกด้วย
จุดเริ่มต้นในวงการของ ไมลีย์ ไซรัส ที่ทำให้เธอเปลี่ยนจากสาวหวานเป็นสาวสุดแซ่บ
จุดเริ่มต้นของเธอนั้นมาจากการที่เธอได้มีโอกาสเข้ามาพากย์เสียงภาพยตร์สุดฮิตในตอนนั้นอย่างเรื่อง Daisy Rock Guitars ในปี 2004 หลังจากที่เธอมีผลงานออกมาได้ไม่นาน เธอก็มีโอกาสได้ไปช่วยออกแบบเสื้อผ้าบ้างชุดในคลอเลคชั่นของ The Stardust Series Acoustic Electric Pink Sparkle Disney ได้ปล่อยคลอเลคชั่นเสื้อผ้าของ Hannah Montana ออกมาในช่วงซัมเมอร์ ซึ่งถือเป็นซีรีส์ของดิสนีย์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในตอนนั้น ทำให้เธอเริ่มมีรายได้และเริ่มชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้นจนเธอติดอันดับที่ 17 ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี และมีรายได้ 3.5 ล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อปีที่ถูกจัดอันดับโดยนิตยสารชื่อดังอย่าง Forbes
นอกจากผลงานเพลงแล้วเธอยังคงมีผลต่าง ๆ มากมายแถมเธอยังได้เซ็นสัญญา เขียนเกี่ยวกับประวัติของตัวเธอเองจนมาถึงตอนที่เธออายุ 16 ปี ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดถูกถ่ายทอดผ่านหนังสือสุดฮิตอย่าง Miles To Go ที่ได้เขียนกับ Hilary Liftin และถูกจัดจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์ชื่อดังอย่าง Disney-Hyperion Books และในหนังสือเล่มนี้เองนั้นยังเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพ่อของเธอ ความคิดเรื่องราวต่าง ๆ แม้กระทั่งเรื่องด้านความรักเธอก็ได้เล่าถึงเรื่องราวต่าง ๆ ไว้อย่างชัดเจน รวมไปถึงเรื่องราวเกี่ยวกับอนาคตที่เธอใฝ่ฝันไว้ โดยเรื่องราวทั้งหมดนี้ถ่ายทอดผ่านหนังสือของเธอ ที่สำคัญหนังสือเล่มนี้ยังไปกวาดรางวัลอันดับหนึ่งหนังสือขายดีของ New York Times children’s ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้จัดพิมพ์และวางขายไป
นอกจากนี้เธอยังมีผลงานอื่น ๆ อีกเพียบไม่ว่าจะเป็นการได้ร่วมงานกับ Max Azria ออกแบบเสื้อผ้าสาววัยรุ่นชื่อดังซึ่งเป็นเสื้อผ้าลายมัดย้อม ลายปัก ลายหมากรุก และลายต่าง ๆ ซึ่งหาซื้อได้ที่ Walmart เท่านั้นแถมยังถูกพูดถึงเป็นอย่างมากเกี่ยวการออกแบบของเธอในครั้งนี้ว่าดูดีกว่าการออกแบบครั้งแรกของเธอที่ได้ออกแบบภายใต้แบรนด์ของ Hannah Montana นั้นเอง
Twerk ท่าเต้นสุดเซ็กซี่เป็นกระแสยอดฮิตได้เพราะเธอ ไมลีย์ ไซรัส
การเต้น Twerk ลุกฮือเป็นกระแสอีกครั้งได้เพราะเธอ หลังจากที่เธอห่างหายไปนาน เธอก็กลับมาขึ้นเวที MTV ด้วยเพลงสุดฮิตอย่าง We Can’t Stop ซึ่งเธอก็บอกว่าเพลงนี้บ่งบอกตัวตนของเธอได้ดีที่สุดโดยเพลงนี้มีเนื้อหาที่ล่อแหลมเป็นอย่างมากทั้งเรื่องเกี่ยวกับเพศและยาเสพติด ซึ่งในวันนั้นเธอก็ขึ้นร่วมกับ โรบิน ธิก (Robin Thicke) ที่ร้องเพลงสุดฮิตอย่าง Blurred Line โดยในวันนั้นเธอได้ทำการฉีกชุดของเธอที่ใส่อยู่ออกทำเอาแฟนเพลงในวันนั้นต้องตลึงไปตาม ๆ กัน เพราะเธอฉีกชุดเธอให้เหลือเพียงแค่ชุดรัดรูปวาบหวิวเท่านั้นเองแถมในวันนั้นเธอได้ทำการแสดงโชว์ที่เข้าข่าย 18+ เป็นอย่างมาก โดยเธอได้ใช้ถุงมือขนาดใหญ่ที่เป็นของเล่นหรือของตกแต่งลูบไปที่เป้ากางเกงของ โรบิน ธิก พร้อมกับใช้ท่าเต้นสุดแซ่บอย่าง Twerk ไปที่บริเวณอวัยวะเพศของโรบิน ธิกนั้นเอง
นี่จึงกลายเป็นกระแสของท่าเต้นนี้เป็นอย่างมาก และการเต้นท่าสุดแซ่บอย่าง Twerk นี้เป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มแร็ปเปอร์ผิวสี จากนั้นก็ค่อย ๆ กระจายไปตามปาร์ตี้ต่าง ๆ ทำให้คนค่อย ๆ รู้จักมากขึ้น ซึ่งหากเราลองศึกษาจากข้อมูลของ Google Trends ก็จะพบว่าสถิติการค้นหาคำว่า Twerk มีการค้นหาเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ปลายปี 2011 เป็นตั้นมาก่อนพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดในเดือนกันยายนปี 2013