เป็นกระแสโด่งดังเป็นอย่างมากหลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง Memoria ผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดของ เจ้ย อภิชาติพงศ์ ผู้กำกับแถวหน้าของประเทศไทยที่สร้างประวัติศาสตร์ที่อันน่าจดจำด้วยการเป็นชาวไทยคนแรกที่คว้ารางวัลจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ถึง 3 ครั้ง ได้แก่ รางวัล Un Certain Regard Prizes จากภาพยนตร์ สุดเสน่หา (2002), รางวัล Jury Prize จากภาพยนตร์ สัตว์ประหลาด (2004) และรางวัล Palme d’Or จากภาพยนตร์ ลุงบุญมีระลึกชาติ (2010) แถมผลงานที่กำกับล่าสุดอย่าง Memoria ก็คว้ารางวัล Jury Prize มาครองได้อีกครั้งและยังมีผลงานเรื่องอื่น ๆ อีกมากของผู้กำกับชื่อดังอย่าง เจ้ย ก็ยังได้ไปคว้ารางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์อื่น ๆ อีกด้วย
ประวัติของ เจ้ย อภิชาตพงศ์
อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล หรือ เจ้ย เกิดวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2513 เจ้ย เติบโตในจังหวัดขอนแก่น โดยมีคุณพ่อเป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น ประวัติการเรียนของเจ้ยเรียกว่าไม่ธรรมดาเพราะเจ้ยเรียนจบปริญญาตรีที่ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และจบปริญญาโทจากสถาบันศิลปะชิคาโก (Art Institute of Chicago) หลักสูตร ศิลปกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาภาพยนตร์
หลังเรียนจบเจ้ยก็ได้เริ่มต้นสร้างผลงานภาพยนตร์และวิดีโออย่างจริงจังตั้งแต่ช่วงต้นปี 2533 เจ้ยจึงเป็นหนึ่งในผู้สร้างภาพยนตร์ของประเทศไทยเพียงไม่กี่คนที่ได้ทำงานอยู่นอกระบบสตูดิโอของไทย ส่วนตัวเจ้ยเป็นคนชอบทดลองมักจะลองผิดลองถูกไปเรื่อย ๆ เกี่ยวกับการสร้างหนังของเขา เจ้ยมักจะได้แรงบันดาลใจมาจากเมืองเล็ก ๆ โดยยึดหลักโครงเรื่องที่อิงมาจากละครโทรทัศน์ ละครวิทยุ การ์ตูน และภาพยนตร์เก่า ๆ และมักจะใช้นักแสดงที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์ ไม่ใช่มืออาชีพมากนัก และมักจะใช้บทสนทนาสดในการแสดงเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
ย้อนรอยผู้กำกับแถวหน้าของเมืองไทย
ในช่วงปี 2533 เจ้ยได้เริ่มเข้าสู่วงการภาพยนตร์โดยได้เริ่มสร้างภาพยนตร์แนวสารคดีเรื่องยาวเรื่องแรกของเขาคือเรื่อง ดอกฟ้าในมือมาร (Mysterious Object at Noon) และภาพยนตร์เรื่องแรกของเจ้ยเรื่องนี้ยังได้เข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติอย่างมากมายพร้อมทั้งได้รับคำวิจารณ์และขโมยรางวัลไปมากถึง 4 รางวัลด้วยกันแถมภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในปี 2543 อีกด้วย
ต่อมาในปี 2547 เจ้ยได้สร้างชื่อเสียงอีกครั้ง ภาพยนตร์เรื่อง “สัตว์ประหลาด” ที่ได้รับการกำกับโดย เจ้ย อภิชาติพงศ์ ได้มีโอกาสคว้ารางวัล The Jury Prize มาครองต้องบอกว่าเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่ได้รับการเข้าเลือกในสายประกวดหลักของเทศกาลหนังเมืองคานส์ และในปี 2551 เจ้ย ได้ถูกเชิญให้ไปเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินรางวัล ของเทศกาลหนังเมืองคานส์
จนล่าสุดในปี 2564 นี้ภาพยนตร์เรื่อง Memoria ก็ทำให้ เจ้ย ได้รับรางวัล ในเทศกาลหนังเมืองคานส์ 2021 (ครั้งที่ 74) และยังได้สร้างปรากฏการณ์ที่ทำให้ผู้ชมต่างลุกขึ้นปรบมือนานกว่า 10 นาที ถือเป็นผู้กำกับไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ ถึง 2 ครั้งด้วยกัน
“Memoria”
ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ เจสสิกา ผู้หญิงที่ได้ยินเสียง “ปัง” อยู่ในหัวของเธอแทบตลอดเวลา ทำให้เจสสิกาต้องท่องไปทั่วกรุงโบโกตาและพยายามค้นหาว่าเสียงที่ดังก้องอยู่ในหัวเธอนั้นคือเสียงอะไรกันแน่ โดยมีผู้ร่วมการเดินทางกับเธอคือช่างบันทึกเสียงและนักดนตรีคอยช่วยเหลือเธอ ก่อนที่เธอจะตัดสินใจเดินทางออกนอกเมือง ผ่านหมู่บ้านและป่าเขาต่าง ๆ ผ่านอุโมงค์ที่มีการขุดค้นทางโบราณคดีมากมาย จนในที่สุดได้พบกับคนแล่ปลาคนหนึ่งผู้ที่อาจให้คำตอบเธอได้ว่าเสียงประหลาดที่เธอได้ยินอยู่ในหัวตลอดเวลานั้นคือเสียงอะไร
Memoria เป็นหนังที่แตกต่างจาก ลุงบุญมี และหนังเรื่องอื่น ๆ ของผู้กำกับเจ้ย ต่างกันทั้งในแง่ของความคิดและวิธีการเล่าเรื่อง แต่หนังกลับยังคงเอกลักษณ์ของเจ้ยไว้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นสิ่งที่คนที่เคยดูหนังของเจ้ยคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีเพราะแทบทุกเรื่องของเจ้ยมักจะคล้าย ๆ กัน ภาพยนตร์เรื่องนี้พูดถึงความทรงจำที่มีอยู่ร่วมกันของมนุษย์ทุกคนบนโลก ทั้งความสวยงามและความเจ็บปวด อันเป็นความทรงจำที่ถูกกลบฝังด้วยชั้นดินและกาลเวลา
“เจ้ย อภิชาตพงศ์” ผู้กำกับสุดปังขึ้น Call Out กลางเวทีเทศกาลหนังเมืองคานส์
เมื่อวันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม ตามเวลาท้องถิ่นของฝรั่งเศส เป็นวันประกาศผลรางวัลของเทศกาลหนังเมืองคานส์ เจ้ย อภิชาตพงศ์ ผู้กำกับชาวไทยที่ เคยคว้ารางวัล ปาล์มทองคำซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดของงานนี้มาแล้วจาก “ลุงบุญมีระลึกชาติ” เมื่อปี 2553 ปีนี้ได้นำ “Memoria” เข้าสายประกวดอีกครั้ง หนังเรื่องนี้มีนักแสดงฝีมือเยี่ยมอย่าง ทิลดา สวินตัน นักแสดงหญิงชาวอังกฤษที่มารับบทนำ ทำให้หนังสามารถคว้ารางวัลจูรีหรือรางวัลขวัญใจกรรมการไปครองได้อย่างสวยงาม
ครั้งนี้เจ้ยก็ได้คว้ารางวัลจูรีไพรซ์อีกครั้งโดยครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งที่ 2 ในขณะขึ้นไปรับรางวัลเจ้ยยังได้กล่าวบนเวทีโดยเล่าถึงสถานการณ์ในไทยและเรียกร้องถึงรัฐบาลไทยและรัฐบาลโคลอมเบีย ประเทศที่เป็นฉากหลังในหนังเรื่องนี้ โดยเจ้ยได้กล่าวว่า “ผมโชคดีจริงๆ ที่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ ในขณะที่เพื่อนร่วมชาติของผมจำนวนมากไม่สามารถเดินทางได้ หลายคนต้องทุกข์ทรมานอย่างมากจากโรคระบาดด้วยการบริหารจัดการที่ผิดพลาดทั้งด้านทรัพยากร, การดูแลสุขภาพ และการเข้าถึงวัคซีน” และเจ้ยยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ผมอยากเรียกร้องไปยังรัฐบาลไทยและโคลอมเบีย ได้โปรดตื่นขึ้นและทำงานเพื่อประชาชนของคุณเดี๋ยวนี้”
ถึงแม้ว่า “Memoria” จะไม่ได้เป็นหนังไทยเพราะเป็นหนังที่ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเมืองไทยและไม่ได้ใช้ภาษาไทยหรือนักแสดงไทยและยังได้ทุนสร้างจากนับสิบประเทศ เช่น โคลอมเบีย ไทย ฝรั่งเศส อังกฤษ ฯลฯ แต่ถึงอย่างไร ในเว็บไซต์ของเทศกาลหนังเมืองคานส์ ชื่อของ เจ้ย อภิชาตพงศ์ ยังถูกระบุว่าเป็นผู้กำกับจากประเทศไทยและชื่อเสียงของเขาก็ทำให้นานาชาติยอมรับความเป็นไทยของเรามากยิ่งขึ้น
เครดิต : www.prachachat.net, www.thaipost.net
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> ไฮโลไทย