ถ้าพูดถึงอภิมหาเศรษฐีบ้าวิทยาศาสตร์หรือวิทยาการล้ำอนาคต แฟน ๆ พี่ทุยที่ชอบดูหนังคงจะนึกถึงฮีโร่อย่าง Iron Man หรือตอนเป็นมนุษย์ในคราบมหาเศรษฐีเพลย์บอย ชื่อของเขาก็คือ Tony Stark แต่ในโลกจริง ๆ วันนี้ก็มีมหาเศรษฐีที่รวยระดับโลก บ้าวิทยาศาสตร์และมุ่งมั่นจะออกสำรวจอวกาศเป็นว่าเล่นอยู่เหมือนกัน เขาก็คือ Elon Musk เจ้าของสถิติผู้ที่รวยที่สุดในโลกแห่ง ปี 2022 จัดอันดับโดยนิตยสารการเงิน Forbes เมื่อไม่นานมานี้ โดยปีนี้ถือเป็นปีแรกที่เขาครองตำแหน่งนี้ โดยในวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเขากัน ผ่านบทความ Elon Musk มหาเศรษฐีอัจฉริยะกับชีวิตอันน่าอิจฉา ชายที่ถูกยกให้เป็น Tony Stark ในโลกแห่งความเป็นจริง เรื่องนี้ ซึ่งจะมีเรื่องราวและสิ่งที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง เราไปรับชมพร้อม ๆ กันเลยครับ
ประวัติของ Elon Musk
- Elon Musk เกิดเมื่อ 28 มิ.ย. 1971 ที่กรุงพริทอเรีย หนึ่งในสามเมืองหลวงของแอฟริกาใต้ ปัจจุบันอายุ 51 ปีแล้ว เขามีเชื้อสายอังกฤษ (จากฝั่งพ่อ) และแคนาเดียน (จากฝั่งแม่) เป็นลูกคนโตในจำนวนพี่น้อง 3 คน โดยที่เขาเกิดมาในครอบครัววิศวกร ทำให้ Elon มีความสนใจในด้านนี้ตั้งแต่ยังเด็ก
ชีวิตในวัยเด็กของ Elon Musk
- ด้วยความที่มีพ่อเป็นวิศวกร เขาจึงเริ่มเรียนรู้เรื่องการเขียนโปรแกรมตั้งแต่อายุ 10 ขวบ และเขียนโค้ดขายวิดีโอเกมได้ตั้งแต่อายุ 12 เท่านั้น เขายังชอบอ่านหนังสือพวกนิยายวิทยาศาสตร์และสารานุกรม บางวันอ่านนานถึงวันละ 10 ชั่วโมง เขาย้ายไปอยู่แคนาดาหลังเรียนจบมัธยม เริ่มต้นชีวิตมหาวิทยาลัยที่มหาวิทยาลัย Queen ก่อนจะย้ายไปที่มหาวิทยาลัย Pennsylvania หลังจากเรียนที่แรกได้ 2 ปี เขาสำเร็จการศึกษาระดับชั้นปริญญาตรี 2 สาขาควบตอนอายุ 24 ปี ได้แก่ สาขาเศรษฐศาสตร์จาก Wharton School of Business และสาขาฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัย Pennsylvania เขาเกือบจะเรียนต่อปริญญาตรีเอก สาขา High Energy Physics ของมหาวิทยาลัย Stanford อีกใบแล้ว แต่สุดท้ายหลังจากเรียนไปได้แค่ 2 วัน เขาก็ตัดสินใจไม่เรียนต่อ เพื่อมุ่งหน้าชีวิตสู่เส้นทางการทำธุรกิจแบบเต็มตัว
ก้าวแรกในการทำธุรกิจของ Elon Musk
- บริษัทแรกของ Elon Musk ถือกำเนิดขึ้นในชื่อ Zip2 โดยเขาร่วมก่อตั้งกับน้องชาย เป็นธุรกิจฐานข้อมูลและจัดหาข้อมูลให้กับสื่อสิ่งพิมพ์ชื่อดังเจ้าต่าง ๆ อย่างนิวยอร์กไทมส์ เป็นต้น (นึกถึงวันที่โลกยังไม่มี Google และต้องหาข้อมูล หาเบอร์คนต่าง ๆ จากสมุดหน้าเหลือง) บริษัทประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วจนได้ขายบริษัทออกไปให้กับบริษัท Compaq ตอนเขาอายุ 28 ปี ด้วยมูลค่าถึง 307 ล้านดอลลาร์ ส่วนตัว Elon เองได้รับเงินส่วนแบ่งจากหุ้นในครั้งนั้น 22 ล้านดอลลาร์ นั่นเป็นเวลาหลังจากเขาปั้นบริษัท แห่งนี้มาได้แค่ 4 ปีเท่านั้น
- ก้าวต่อมา เขาก่อตั้งบริษัท X.com ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับธนาคารออนไลน์ การเกิดขึ้นของบริษัทรูปแบบนี้ในปี 2000 ต้องเรียกว่ามาก่อนกาล เพราะยุคนั้นก็คงไม่มีใครนึกว่า โลกการเงินจะไปอยู่บนโลกออนไลน์ได้ (ถึงขนาดที่บริษัท X.com ได้รับการโหวตให้เป็น “บริษัทที่มีไอเดียธุรกิจยอดแย่ที่สุด” ใน ค.ศ. 1999 เลยทีเดียว!) โดย X.com ได้ริเริ่มการพัฒนาระบบโอนเงินออนไลน์ ซึ่งต่อมาก็คือ Paypal จนประสบความสำเร็จอย่างมาก Elon ขาย X.com ให้กับ eBay ด้วยมูลค่าสูงถึง 1,500 ล้านดอลลาร์ แล้วหนนี้ Elon ได้ส่วนแบ่งจากการขายไป 165 ล้านดอลลาร์จากการถือหุ้นอยู่ 11.7%
จุดที่ทำให้ Elon Musk กลายเป็น Tony Stark ในชีวิตจริง
- หลังจากประสบความสำเร็จบนโลกออนไลน์แล้ว Elon ก็ออกไปนอกโลกในความหมายของนอกดาวโลกจริง ๆ ปี 2002 บริษัท SpaceX ถือกำเนิดขึ้น มุ่งมั่นจะให้บริการการเดินทางในอวกาศสำหรับโลกอนาคต คราวนี้ยิ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์อันทะเยอทะยานของมหาเศรษฐีอย่างเขา ความฝันที่ Elon เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ก็คือ “เขาอยากจะตายบนดาวอังคาร” คนไทยคงจำกันได้ว่า เขาได้เอาวิทยาการของ SpaceX ที่ชื่อ Mini Submarine แคปซูลเคลื่อนย้ายมนุษย์ใต้น้ำเหมือนเรือดำน้ำขนาดเล็ก มาใช้ในการช่วยชีวิตของเด็ก ๆ ทีมนักฟุตบอล 13 หมูป่าที่ติดถ้ำหลวง จังหวัดเชียงราย ซึ่งตัวเขาก็ได้เดินทางมาถึงหน้าถ้ำจริง ๆ ด้วย (แต่สุดท้าย Mini Submarine ไม่ได้ถูกนำมาใช้)
- หลังจาก SpaceX บริษัทต่อมาที่เขาปลุกปั้นคือ บริษัทยานยนต์ไฟฟ้า Tesla เริ่มก่อตั้ง ค.ศ. 2004 บริษัทนี้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ล้ำอนาคตของเขาอีกครั้ง เพราะ Elon ลงมือทำรถยนต์พลังงานสะอาดได้ก่อนคนอื่น ปัจจุบัน Tesla กลายเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มีมูลค่าบริษัททะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์และเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก นอกจากนี้ Elon ยังคิดและสร้างเทคโนโลยีและวิทยาการอีกหลายอย่างเช่น Hyperloop หรือการเดินทางด้วย Pod ในอุโมงค์สุญญากาศความเร็วกว่าเดินทางด้วยเครื่องบิน และ Neuralink เทคโนโลยีที่เชื่อมต่อสมองของมนุษย์เข้ากับคอมพิวเตอร์ ในช่วง ค.ศ. 2012 Elon ได้เข้าสู่ทำเนียบเศรษฐีพันล้านดอลลาร์ตอนที่เขาอายุ 41 (แต่ก็ยังช้ากว่า Jeff Bezos ที่เข้าสู่ทำเนียบนี้ตอนอายุ 35 และ Mark Zuckerberg ที่ทำได้ตั้งแต่อายุ 23 โน่นเลย)
สรุป
ล่าสุดเมื่อไม่นานนี้ Elon ก็กลับมาลงเล่นในโลกธุรกิจออนไลน์อีกครั้ง หลังจากทุ่มเงินมากกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์ซื้อหุ้นของบริษัทสื่อสังคมออนไลน์ Twitter 9.22% ซึ่งทำให้เขากลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ Twitter ทันที และตอนนี้การต่อสู้กันระหว่าง Elon Musk กับบอร์ดบริหารของ Twitter ก็กลายเป็นที่จับตามอง เพราะฝั่ง Twitter ดูจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ Elon เข้ามากุมชะตาบริษัทแห่งพื้นที่ 280 ตัวอักษรแห่งนี้ง่าย ๆ ซึ่งนี่ก็คือเรื่องราวของ Elon Musk มหาเศรษฐีอัจฉริยะกับชีวิตอันน่าอิจฉา ชายที่ถูกยกให้เป็น Tony Stark ในโลกแห่งความเป็นจริง ที่เราได้นำมาฝากกันผ่านบทความเรื่องนี้ ส่วนความฝันที่เป็นเป้าหมายในการสร้างวิทยาการให้กับโลก เขาเคยให้สัมภาษณ์กึ่งทำนายและตั้งเป้าเอาไว้ว่า มนุษยชาติจะมีรถไฟฟ้าใช้เต็มถนนภายในปี 2020 (เกิดขึ้นแล้วจริง) มนุษย์จะเริ่มย้ายไปตั้งถิ่นฐานอาศัยที่ดาวอังคารได้ภายในปี 2025 และมนุษย์จะสามารถเชื่อมสมองกับคอมพิวเตอร์ได้สำเร็จในปี 2025 ซึ่งแฟน ๆ พี่ทุยคงต้องจับตาดูกันว่าสองอย่างหลังจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ และ จะตรงตามเวลาที่กำหนดได้ไหม เราต้องมารอดูกันครับ